อะไรคือ Biostimulators
Collagen Stimulators หรือรู้จักกันในชื่อว่า Biostimulators เป็นสารที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายของตัวเองตามธรรมชาติ เพราะคอลลาเจนจะถูกสร้างลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี จะมีอัตราการสูญเสียคอลลาเจน 1-1.5 % ต่อปี และจะลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการสร้างคอลลาเจนจะเหลือเพียง 20-30 % เมื่ออายุประมาณ 30 ปี ซึ่งการสร้างที่ลดลงของคอลลาเจนนี้ จะส่งผลให้ผิวหนังเริ่มมีริ้วรอย มีความเหี่ยว ยับ ย่น ไม่กระชับ แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และจะส่งผลให้เกิดริ้วรอยที่เป็นร่องลึก หากไม่ได้รับการรักษาหรือดูและอย่างถูกต้อง
ที่ The Standard Aesthetic Clinic เราใส่ใจและโดดเด่นในการรักษางานผิว เพื่อให้คนไข้คงความอ่อนเยาว์ไว้ให้ได้อย่างยาวนานที่สุด เราจึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ มีมาตรฐาน เพื่อให้คนไข้ที่ได้เข้ารับการรักษาได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับ Collagen Stimulators ที่ทางคลินิกเลือกใช้จะมีทั้งหมด 2 แบรนด์ คือ
- Sculptra
- Radiesse
ซึ่ง Collagen Stimulators ทั้ง 2 แบรนด์นี้ได้อยู่ในตลาดมากว่า 20 ปี ทางทีมแพทย์จึงมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงความปลอดภัยที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ
Sculptra VS Radiesse แตกต่างกันอย่างไร
Sculptra
เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลกและตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก USFDA มีการกระตุ้น Collagen Type 1 ได้สูงถึง 66.5% หลังจากการฉีดไป 3 เดือน ซึ่ง Collagen Type1 ถือเป็นคอลลาเจนชนิดที่ผิวของเราต้องการมากที่สุด จึงช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว เพิ่มความยืดหยุ่น คืนความกระจ่างใส ทำให้ผิวแน่นกระชับ ปรับปรุงคุณภาพผิวให้มีสุขภาพดีโดยรวมให้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างล้ำลึก ช่วยย้อนวัยให้ผิวกลับไปดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ มีการศึกษาวพบว่าสามารถคงผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า 2 ปี และมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 งานวิจัย มีกลุ่มตัวอย่างกว่า 10,000 ราย ที่รองรับเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย อีกทั้งไม่ตกค้างในร่างกาย ย่อยสลายได้หมด ถูกใช้อย่างกว้างขวางกว่า 25 ปี ใน 40 ประเทศทั่วโลก
Sculptra ประกอบด้วยสารที่เรียกว่า PLLA (Poly-L-Lactic Acid) โดยจะถูกฉีดลึกลงไปใต้ผิวหนัง ซึ่ง PLLA จะทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใยหน้าในการกระตุ้นและฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ เมื่อการสร้างคอลลาเจนถูกกระตุ้น ผิวจะเริ่มฟื้นคืนโครงสร้างและปริมาตร ส่งผลให้ริ้วรอยและข้อบกพร่องต่างๆได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอนุภาค PLLA ในผลิตภัณฑ์ Sculptra ยังได้รับการจดสิทธิบัตรในเรื่องของกระบวนการผลิต เพื่อคัดเลือกให้ได้ขนาดอนุภาคที่ออกฤทธิ์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงไม่เหมือนผลิตภัณฑ์ PLLA ตัวอื่นในท้องตลาด
การรักษาจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาด้วย Sculptra จะค่อยๆเห็นผลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะคงอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือนหลังฉีด
ควรทำการรักษาจำนวนกี่ครั้ง
โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทำการรักษา 2-3 ครั้ง ทุก 6-8 สัปดาห์ และจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการสร้างคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นและผิวหนังที่ได้รับการฟื้นฟู
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
- งดยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น กลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันปลา ฯลฯ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้นได้
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
- ไม่อยู่ในภาวะการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาใดๆอยู่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
คำแนะนำในการดูแลหลังการรักษาด้วย Sculptra เพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะสม
- ประคบเจลเย็นบริเวณที่ทำการรักษาในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดอาการบวม
- ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าและการอบซาวน่า/อบไอน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดและแสงยูวี จนกว่าอาการ่บวมและแดงจะหายไป
และควรนวดบริเวณที่ทำการรักษา โดยใช้หลัก 5 X 5 X 5 คือการนวดครั้งละ 5 นาที จำนวน 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลา 5 วัน เพื่อช่วยให้อนุภาค PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Radiesse คืออะไร
Radiesse คือ Collagen Stimulator ชนิดหนึ่ง ที่ผลิตจากสารแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ ( CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere ) มีตัวย่อคือ CaHA หรือเรียกง่ายๆกันว่า “คาห้า ไมโครเฟียร์” ซึ่งในหนึ่งไซริงค์ 1.5 cc จะประกอบไปด้วย CaHA 30% ซึ่งประกอบไปด้วยฟอสเฟต (Phosphate Ion) และแคลซียม (Calcium) ที่สามารถพบได้อยู่แล้วในร่างกายมนุษย์ และมีสารที่ทำหน้าที่นำ CaHA เข้าสู่ตำแหน่งที่ฉีด Sodium Carboxymethylcellulose อีก 70%
ทั้งนี้ Radiesse ได้รับการรับรองจาก FDA หรือองค์การอาหารและยาจากทั้ง EU (2004), US(2006) และประเทศไทยเอง เพราะฉะนั้นคนไข้สามารถมั่นใจได้ว่า Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
การทำงานของ Radiesse
สาร CaHA microsphere (Calcium Hydroxylapatite Microsphere) มีโมเลกุลเป็นทรงกลมที่มีขนาด 25-45 ไมครอน ด้วยขนาดที่เล็กมากนี้ เมื่อถูกนำไปอยู่ในชั้นใต้ผิวหนัง จะทำให้เซลล์ Fibroblast ที่อยู่ในชั้นผิวมาเกาะกับ CaHA microshere ทำให้เกิดกกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวขึ้นมา ความพิเศษของ Radiesse หรือ CaHA microshere จะสามารถกระตุ้นสารที่จำเป็นในผิวได้ถึง 5 ชนิดด้วยกัน คือ
- Collagen Type 1 สามารถกระตุ้นได้สูงถึง 150% ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างสำคัญของผิว
- Collagen Type 3 สามารถกระตุ้นได้สูงถึง 250% เป็นชนิดของคอลลาเจนที่พบมากในผิวเด็ก และทำงานร่วมกับ Collagen Type 1
- Elastin สามารถกระตุ้นได้สูงถึง 260% ช่วยในเรื่องความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวคืนตัวได้ดีเมื่อเกิดการทับหรือพับของผิวจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า ลดโอกาสในการเกิดริ้วรอย
- Proteoglycan มีความสำคัญในการเก็บกักน้ำ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น
- Angiogenesis กระบวนการสร้างเส้นเลือดเพื่อนำสารที่จำเป็นมาหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวมีสุขภาพดี
โดยการที่ Radiesse สามารถกระตุ้นได้ทั้ง Collagen Type 1 และ Type 3 นี้ จึงถือว่าเป็นความสามารถที่โดดเด่นในการแก้ไขปัญหาผิว และสามารถทำให้ผิวคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ Radiesse ได้ถูกใช้งานมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี โดยแพทย์ทั่วโลก มีผลงานวิจัยรองรับมากกว่า 250 ฉบับ และมีการใช้งาน 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2023) และมีการขายมากกว่า 85 ประเทศ เป็นการการันตี
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังได้รับการรักษา
- ผิวเด้ง อิ่มฟู กระชับ และดูสุขภาพดีขึ้น
- ริ้วรอยดูตื้นขึ้นทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี
ผลระยะสั้นในช่วง 1 เดือน
CaHA microsphere จะเข้าไปกระตุ้น Fibroblast เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นมาทดแทนเจลจะสลายตัวไป ทำให้ผิวฟูขึ้น มีความแน่น รูปหน้ามีความยกกระชับมากขึ้น
ผลระยะยาวมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป
คอลลาเจนที่ถูกสร้างใหม่ จะสามารถคงอยู่ได้ยาวนานประมาณ 18-24 เดือน คงความอ่อนเยาว์ได้อย่างยาวนาน
(ผลลัพธ์ต่างๆจะขึ้นอยู่กับบุคคล)
Sculptra VS Radiesse เลือกผลิตภัณฑ์ชนิดใด?
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัว เป็น Biostimulators ด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยมีจุดเหมือนร่วมกันและจุดแตกต่าง เพราะฉะนั้นแล้วทางทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ The Standard Aesthetic Clinic พร้อมให้คำปรึกษา และแนะนำที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ มีออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด