The standard aesthetic clinic-02

ดริปวิตามิน กับ ฉีดผิวขาว ต่างกันมั้ย ทำแล้วผิวขาวจริงหรือไม่ [2024]

การมีผิวพรรณที่กระจ่างใสดูสุขภาพดี เป็นความต้องการของใครหลายๆคน มาเปิดเคล็ดลับผิวขาวสว่าง กระจ่างใส เทรนด์ทางลัดบำรุงผิวพรรณให้สดใส สุขภาพดีที่มาแรงไม่แพ้ใครอย่างดริปวิตามันและการฉีดผิวขาว แต่แล้ว ดริปวิตามิน กับ ฉีดผิวขาว มันต่างกันยังไงนะ

การดริปวิตามินผิวขาว นวัตกรรมที่เข้ามาตอบโจทย์ความฝันผิวดีของใครหลายๆคน ที่มีคุณประโยชน์ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวเสียให้กลับมาชุ่มชื้น ดูแลผิวจากภายในสู่ภายนอก เนื่องจากการดริปวิตามินผิวขาวดูดซึมได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน เผยผิวขาวกระจ่างใส เหมาะกับทุกสภาพผิวทำให้ผิวดูขาวสว่าง ด้วยการทำหัตถการอย่างที่ง่ายดาย ไม่ซับซ้อน ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น

การดริปวิตามินผิวขาว จะต้องกระทำการโดยผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวยา ผลข้างเคียง และเทคนิคการบริหารยา การควบคุมอัตราความเร็วของสารน้ำ ดังนั้นควรเลือกทำในคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือที่พร้อม และมีพยาบาลวิชาชีพที่สามารถดูแลสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดในระหว่างที่ดริปวิตามินผิวขาว จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยไร้กังวล

ดริปวิตามิน ช่วยให้ขาวจริงมั้ย

การดริปวิตามินผิว ช่วยให้ผิวใสขึ้น และขาวขึ้นได้ จากสีผิวปกติมาได้ถึง 1-2 เฉดสี เนื่องจากในการดริปวิตามิน มีส่วนผสมของตัววิตามินซี ( Vitamin C ) ที่เข้าไปการทำหน้าลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin)  และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมไปถึงอีกหนึ่งส่วนผสมของการดริปวิตามินผิวขาวคือ N-Acetyl Cysteine หรือเรียกสั้น ๆ ว่า NAC ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ร่างกายเพิ่มกรดอะมิโน L-Cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไธโอน ร่างกายจึงผลิตกลูต้าไธโอนออกมาตามธรรมชาติได้มากขึ้น จึงทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นนั่นเองครับ

การดริปวิตามินผิว ช่วยให้ผิวใสขึ้น และขาวขึ้นได้

ดริปวิตามิน กับ ฉีดผิวขาว ต่างกันยังไง

ดริปวิตามิน คือ การนำวิตามินผสมลงในขวดน้ำเกลือ หรือถุงน้ำเกลือ 100-250 CC ต่อผ่านทาง SET IV แล้วจะค่อย ๆ ดริปผ่านทาง IV (Intravenous injection) หรือหลอดเลือดดำอย่างช้า ๆ ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีต่อการทำ 1 ครั้ง ทำให้ลดอาการข้างเคียงที่เกิดจากตัววิตามินที่ผสมลงไปได้ ถือว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยมากเลยทีเดียว

ฉีดผิวขาว คือ การนำวิตามินผสมเข้าด้วยกัน แล้วฉีดผ่านไซริงค์ (Syring) โดยตรงผ่านทาง IV (Intravenous injection) หรือหลอดเลือดดำ ใช้เวลาปะมาณ 5-10 นาทีต่อครั้ง เป็นการพลักวิตามินเข้าสู่กระแสเลือดค่อนข้างไว จึงทำให้ผู้ที่มีความไวต่อผลข้างเคียงของตัววิตามินที่ให้ อาจเกิดการเวียนหัว คลื่นไส้และอาเจียร

การเติมวิตามินผิว มีหลักการทำงานอย่างไร

ดริปวิตามิน (IV Drip) เป็นวิธีเช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือ คือ การให้สารวิตามินผ่าน IV (Intravenous injection) โดยตรงผ่านทางหลอดเลือดดำ ทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ทันที โดยไม่มีสารตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง เป็นการเพิ่มปริมาณสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ บำรุงและเสริมความแข็งแรงให้กับผิวพรรณจากภายใน ทำให้กลไกของร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบ ส่งผลถึงผิวพรรณดูสว่าง กระจ่างใสขึ้น

ดริปวิตามิน (IV Drip) เป็นวิธีเช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือ คือ การให้สารวิตามินผ่าน IV

ดริปวิตามินช่วยอะไรได้บ้าง

       การดริปวิตามินผิว มีประโยชน์มากมายตามชนิดของวิตามินที่ใช้เป็นส่วนผสมลงไป โดยในส่วนใหญ่หลัก ๆ มักจะใช้ในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระชับ ลดการสร้างของเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำให้ผิวขาวสว่างกระจ่างใสขึ้น ลดจุดด่างดำ ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าจากวิตามินบี และในวิตามินซียังสามารถเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อีกด้วย

ดริปวิตามินผิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ต้องบ่อยแค่ไหน ?

การดริปวิตามินผิวขาว จะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมไปถึงการดูแลตนเองอีกด้วย โดยจะแนะนำให้ดริปวิตามินผิวขาวที่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 3-4 สัปดาห์ และจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำว่าผิวจะดูลื่นุ่มนขึ้น หากอยากได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรทำต่อเนื่องกัน เมื่อบำรุงอย่างต่อเนื่องได้ถึงจุดหนึ่งแล้วรู้สึกพึงพอใจกับสภาพผิวแล้ว สามารถเว้นระยะห่างได้ เช่น 2-4 สัปดาห์ ต่อครั้ง จะรู้สึกได้ว่าผิวหนังมีความอ่อนนุ่มลื่น ผิวใสขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ยิ่งเวลาออกแดดจะพบว่าผิวจะดูออร่ามากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่ควรรู้ก่อนดริป มีอะไรบ้าง ?

การดริปวิตามิน ผิวขาว มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน แต่ก่อนทำจะต้องเข้ามาปรึกษาเพื่อประเมินเบื้องต้น แจ้งโรคประจำตัว ประวัติสุขภาพ ประวัติแพ้ยา แพ้อาหาร และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงยาประจำตัวที่กำลังรับประทานอยู่ทุกชนิด เพื่อป้องกันผลกระทบหลังฉีด

การดริปวิตามินผิวขาวควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 3-4 สัปดาห์

ข้อปฏิบัติก่อน – หลังฉีด ดริปวิตามินผิวขาว ดูแลตัวอย่างไร ?

การเตรียมตัว และข้อปฏิบัติก่อนการดริปวิตามิน ผิวขาว ดังนี้

  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-2วัน
  • นอนหลับพักผ่อนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • งดใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก หรือทำให้ร่างกายร้อนเป็นอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เช่น สารสกัดจากขิง โสม และกระเทียม, วิตามินอี, น้ำมันปลา เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติหลังดริปวิตามิน ผิวขาว ดังนี้

  • ไม่สัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำเปล่า ให้เพียงพอต่อร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดจัด และทาครีมกันแดดและครีมบำรุงผิวเสมอ เพื่อปกป้องและรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 2-3 วัน
  • มันออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

อยากดริปวิตามินผิวขาว อันตรายไหม อย่างปลอดภัยต้องรู้อะไรบ้าง ?

การดริปวิตามินผิวขาว มักไม่พบผลข้างเคียงหลังการฉีดจะพบได้ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่ที่มักพบได้ทั่วไปคือ การเกิดรอยเขียวช้ำจากรอยเข็ม หรือจุดแดงที่เกิดจากเข็มที่ฉีด ในบางรายอาจเกิดผื่นขึ้น แน่นหน้าอกแต่ยังพบได้น้อยมาก ๆ โดยส่วนใหญ่คนปกติที่เข้ารับการดริปวิตามิน มักจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย เนื่องจากการให้วิตามินผ่านไปทางหลอดเลือดดำไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย และกระบวนการดูดซึม ซึ่งหลังจากนั้นจะถูกขับออกมา โดยไม่มีการสะสมหรือตกค้างในร่างกาย

หากเลือกรับบริการจากผู้ที่มิใช่แพทย์ พยาบาล ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous injection/IV) หรือเลือก ที่คลีนิคหรือสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้การรับรองจากองค์การอาหารและยา ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงหลังฉีดได้ เช่น ผื่นขึ้น คลื่นไส้อาเจียน หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ ช็อกหมดสติ และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้นจึงควรเลือกเข้ารับบริการในคลินิก หรือสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือที่พร้อม และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาลวิชาชีพดูแลสังเกตอาการ และดูแลอย่างใกล้ชิดระหว่างที่ดริปวิตามิน เนื่องจากต้องกระทำการโดยแพทย์ พยาบาลที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวยา การควบคุมอัตราความเร็วของสารน้ำ ผลข้างเคียง จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยไร้กังวล

Share the Post:

OUR SERVICE

Rejuran

Read More

ดริปวิตามิน กับ ฉีดผิวขาว ต่างกันมั้ย ทำแล้วผิวขาวจริงหรือไม่ [2024]

Read More

Facial treatment

Read More
Scroll to Top