ปัจจุบันเทรนยอดฮิตตลอดกาล ที่ยังติดกระแสความสวยความงามอย่างต่อเนื่อง เมื่อพูดถึงคลีนิกเสริมความงามคงไม่มีใครไม่รู้จัก ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่เรียกได้ว่าทำแค่อย่างเดียว แต่สามารถทำให้รูปหน้าดูเปลี่ยนไปได้เลยทีเดียว โดยเป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณปาก เพื่อทำให้รูปปากดูอวบอิ่มชุ่มชื่น ไม่หย่อนคล้อย ทาลิปสติกก็ไม่ตกร่องปาก ไม่ลอกขุย ขอบปากชัด ปากเป็นทรงสวยขึ้น และยังสามารถทำได้ทั้งทรงเกาหลี หรือทรงสายฝอ
ซึ่งหากไม่พอใจรูปทรงปากยังสามารถกลับมาทำให้เป็นทรงเดิมหรือทรงใหม่ตามที่ต้องการได้ เพื่อให้ไม่ตกกระแสฮิตอย่างฟิลเลอร์ปาก The Standard ได้รวบรวมเรื่องที่ต้องรู้ ของการฉีดฟิลเลอร์ปากมาให้แล้วครับ
ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิคแอซิด Hyaluronic Acid หรือ HA ผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่อยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ มาใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน เนื่องจากมีคุณสมบัติเฉื่อย ไม่ทำให้เกิดการแพ้ มีความคงตัว และอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน ฟิลเลอร์จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวพยุงและเติมเต็มความชุ่มชื้นชั้นแนวกระดูก อีกทั้งเสื่อมสลายไปเอง ไม่ก่อให้เกิดอันตรายอีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การใช้สารเติมเต็ม HA ที่อธิบายข้างต้น ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ฉีดเข้าไปยังบริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มเนื้อปาก และปรับขนาดโครงสร้างปาก ปรับให้ปากดูเต็ม ดูอิ่มฟูให้ปากอวบอิ่มขึ้น และเป็นรูปทรงที่สวยงาม โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด หรือพักฟื้นหลังทำ ไม่มีอาการบวมช้ำหลังทำ
และที่สำคัญต้องจะต้องเลือกคลินิกที่มั่นใจว่าอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งคลินิกThe Standard ของเรา ได้รับรองตามมาตรฐาน มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาลวิชาชีพ คอยดูแลให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อนทำจนถึงหลังทำ จึงการันตีความปลอดภัย และรูปทรงปากที่สวยงามครับ
ซึ่งนอกจากฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว ที่คลินิกเรามีบริการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์คาง หรือเติมเต็มส่วนอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
ฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับใคร
- เหมาะกับผู้ที่มีปากบาง ต้องการปรับเพิ่มวอลลุ่มปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ปากดูเป็นทรงมากขึ้น เพื่อให้ดูรับเข้ากับใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเนื้อปากไม่เท่ากัน ต้องการปรับให้ดูสมมาตร ได้สัดส่วนขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาปากแห้งแตก ปากเป็นร่อง ต้องการให้ปากดูเรียบเนียนขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาปากดูตก ปากคว่ำ ใบหน้าดูบึ้ง และต้องการให้ริมฝีปากดูยกขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปปากโดยไม่ศัลยกรรม

ฟิลเลอร์ปาก ทรงไหนดี
การฉีดฟิลเลอร์ปาก แบ่งออกได้เป็น 3 ทรงยอดฮิตหลัก ๆ ดังนี้
- ทรงปากกระจับตามแบบสาวเกาหลี โดยมีลักษณะติ่งกระจับตรงกลาง มุมปากดูยกขึ้นเหมือนกำลังอมยิ้ม และมีกระจับล่าง 2 กระเปาะให้ดูอวบอิ่มขึ้น
- ทรงอวบอิ่มแบบสาวสายฝอ โดยมีลักษณะหลัก ๆ คือจะเน้นความอวบอิ่มของปากให้ปากดูเจ่อ ขอบปากชัดเจนทั้งบนและล่าง
- ทรงธรรมชาติ โดยธรรมชาติของแต่ละบุคคลจะมีความแต่งต่างกันออกไป ซึ่งทรงนี้จะขึ้นอยู่กับเทคนิคในการฉีดของหมอ โดยดูจากองค์ประกอบหน้าเป็นหลัก และอิงจากปากเดิม ฉีดให้คล้ายกับทรงเดิมอย่างธรรมชาติ เพื่อให้เข้ากับหน้าอย่างธรรมชาติที่สุด
ฟิลเลอร์ปากเกาหลี vs สายฝอ
การฉีดฟิลเลอร์ปากสายเกา เป็นการฉีดปากให้ดูอวบอิ่มเพียงเล็กน้อยเพื่อปรับรูปทรงให้เป็นกระจับ และมีกระจับล่าง 2 กระเปาะ โดยช่วงกลางปากบนและล่างจะดูอิ่มฟูกว่าด้านข้างเพื่อให้ใบหน้าดูละมุนขึ้น ดูหวานขึ้น โดยจะฉีดเพียงแค่ 1 cc ขึ้นอยู่กับขนาดของปากเดิม และเทคนิคของหมอที่ทำหัตถการ
การฉีดฟิลเลอร์ปากสายฝอ เป็นการฉีดปากให้ดูอวบอิ่ม ดูฟูขึ้น โดยส่วนใหญ่จะมีการเติม 2 – 3 cc ขึ้นอยู่กับขนาดของปากเดิม และเทคนิคของหมอที่ทำหัตถการ
ข้อดี ข้อเสียของฟิลเลอร์ปาก
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเปลี่ยนรูปทรงของปากได้ตามต้องการ ทำให้ขอบปากชัดขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีราคาไม่แพง สามารถเข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการศัลยกรรมอื่น ๆ
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่แก้ปัญหาสุขภาพและรูปทรงปาก ได้อย่างที่ตรงจุดที่สุด โดยไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาน้อย ขั้นตอนไม่ซับซ้อน
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นวิธีที่ปลอดภัย สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติไม่มีปัญหาเรื่องของสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- การฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ได้มาตรฐานจะไม่สามารถอยู่ได้ถาวร ปกติแล้วจะอยู่ได้นานประมาณ 8 – 12 เดือน ดังนั้นทำให้ต้องมีการเติมอยู่ เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ปาก ต้องฉีดกี่ cc
การฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ต่างกันออกไป ตามรูปร่าง และขนาดปากเดิม และทรงที่ต้องการ โดยทั่วไปในกรณีที่มีขนาดปากบาง ไม่มีขอบปาก หรือปากไม่เป็นทรง ต้องการทรงสายฝอ ที่จะยกมุมปาก เติมให้ปากกระจับอวบอิ่ม จะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2 – 3 cc ตามความเหมาะสม และสำหรับสายเกาจะใช้ตั้งแต่ 1 cc ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดปากและรูปทรงปากเดิมอีกด้วย
ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก โดยปกติแล้วมีการคงสภาพอยู่โดยเฉลี่ยแล้วสามารถอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่น ที่เลือกนำมาใช้
นอกจากนี้รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น การอาบน้ำอุ่นเป็นประจำทุกวัน กินของร้อน ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ และอายุของฟิลเลอร์ด้วย ดังนั้นพฤติกรรมหรือนิสัยของเราก็สามารถทำให้ตัวฟิลเลอร์สลายไปได้ไวกว่านอื่น ๆ นั้นเอง
ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้ง ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องกระทำการด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง และในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้งไม่จำเป็นจะต้องใช้ปริมาณมากทีเดียว เพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุดและออกมาน่าให้น่าพึงพอใจที่สุด

ฉีดยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปาก ควรจะต้องเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมกับปัญหาปาก เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติที่เป็นลักษณะเด่นต่างกันออกไป ซึ่งฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาใช้ในการฉีดปาก มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ โดยจะรวบรวมฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปากมาให้ ดังนี้
ผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปทรงปาก ต้องการปรับให้ปากดูเป็นกระจับขึ้น หรือยกมุมปากขึ้น ไม่ให้ปากคว่ำ ควรจะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่ค่อนข้างแข็ง จะทำให้สามารถขึ้นทรงได้ดี
- Juvederm Voluma ฟิลเลอร์จากอเมริกา สามารถกลืนกับผิวได้ค่อนข้างเนียนสวย ขึ้นทรงได้ดีผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์จากสวีเดน สามารถขึ้นรูปทรงได้ชัดกว่าตัวอื่น ๆ แต่จะทำให้ริมฝีปากดูเป็นก้อนประมาณ 2 – 3 เดือนหลังฉีด และจะกลืนไปกับผิวหลังจากนั้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
- Neuramis Deep ฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลี สามารถขึ้นรูปทรงได้ดีระดับนึง แต่หลังทำจะมีอาการบวมมากกว่ายี่ห้ออื่นอยู่ระดับนึง และริมฝีปากดูเป็นก้อนเกิน 2 – 3 เดือนหลังฉีด ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 6 – 8 เดือน
ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก เช่น คนที่มีทรงปากสวยแต่บาง และอยากให้ปากดูเป็นธรรมชาติ ควรจะต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งปานกลาง สามารถกลืนกับผิวได้ดี
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์จากอเมริกา สามารถกลืนกับผิวได้ค่อนข้างเนียนสวย มีวอลลุ่ม และมีความนุ่ม สามารถอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
- Restylane Kysse ฟิลเลอร์จากสวีเดน สามารถทำให้ริมฝีปากดูอมชมพูขึ้น และเป็นฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อฉีดปากโดยเฉพาะ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 9-12 เดือน
- Restylane classic ฟิลเลอร์จากสวีเดน สามารถขึ้นทรงได้ระดับนึง แต่จะมีความอวบอิ่มและแข็งกว่าตัวอื่น ๆ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
ผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื่นให้กับริมฝีปาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากแห้ง แตก เป็นร่อง ต้องการให้ปากดูชุ่มชื่น ทาลิปสติกแล้วไม่ตกร่อง โดยที่ไม่เพิ่มวอลลุ่มมาก
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์จากอเมริกา มีความชุ่มชื่น เนื้อเรียบเนียนไปกับปากได้ดี ร่องปากจะหายไป ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
- Restylane Vital Light ฟิลเลอร์จากสวีเดน เนื้อเจลค่อนข้างนิ่ม และละเอียดกว่า แก้ไขร่อมริมฝีปากได้ดีดูชุ่มชื่น แต่จะดูไม่มีวอลลุ่ม สามารถอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน
ฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูงมาก มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน หากเลือกคลีนิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้ (Hyaluronic Acid) ผ่านการรับรองที่ได้มาตรฐานถูกต้อง และผ่านการรับรองจาก อย.ไทย เนื่องจากฟิลเลอร์แท้สามารถสลายออกตามธรรมชาติได้เองจนหมด
ที่สำคัญก่อนทำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยคลินิก The Standard มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีเทคนิคมากมาย และมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวฟิลเลอร์ ปริมาณของฟิลเลอร์ และเทคนิคการฉีดที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ปาก ให้ได้รูปทรงอย่างสวยงามตามต้องการ
ฟิลเลอร์ปาก vs ผ่าตัดปาก
ฟิลเลอร์ปาก หรือ ผ่าตัดปาก แบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งหากอธิบายแบบง่าย ๆ การฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับผู้ที่มีปากเดิมไม่ได้หนามาก มีทรงปากเดิมอยู่แล้ว หรือปากบางเนื้อปากน้อย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ไม่มีแผลผ่าตัด เห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่การทำศัลยกรรมปากกระจับ เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดปาก เหมาะกับผู้ที่มีปากหนา เนื้อปากเยอะ พักฟื้นประมาณ 3-5 วัน และจะเข้าที่ประมาณ 1-3 เดือนหลังทำ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจประเมินรูปหน้า และวางแผนในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ตรงตามที่ต้องการ
- แพทย์จะแนะนำ ปริมาณ ชนิด และแบรนด์ฟิลเลอร์ที่เหมาะสม และ ปริมาณ cc ที่ต้องใช้ฉีดแก้ไข เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกชนิดและรุ่นที่เหมาะสม
- แปะยาชา ก่อนเริมทำการฉีดฟิลเลอร์ปากประมาณ 20-30 นาที เพื่อลดความเจ็บปวดขณะทำ
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ สามารถขอตรวจสอบ ชื่อและชนิดของฟิลเลอร์และแกะกล่องให้ดูต่อหน้าเพื่อเช็คว่าฟิลเลอร์ที่นำมาใช้ว่าเป็นของแท้ก่อนฉีด
- กระทำหัตถการฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้เทคนิคการปั้นทรงปากให้สวยงาม ตามรูปทรงที่ต้องการ
- หลังการฉีดจะมีการแนะนำวิธีการดูแลหลังฉีด เพื่อลดอาการปวด บวม และวิธีดูแลตัวเองหลังทำ
Filler ปาก บวมกี่วัน
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการฉีดในจุดที่ค่อนข้างบวมง่าย โดยจะบวมมากในช่วง 1-3 วันแรกหลังฉีด และจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังฉีด สามารถใช้ยาแก้ปวด Ibuprofen หรือ Paracetamol ร่วมด้วยได้
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรเลือกคลีนิคที่ใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เช่น เลือกคลีนิกที่สามารถตรวจสอบได้ แกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้าได้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าฟิลเลอร์ตัวที่กำลังฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ และควรเลือกคลีนิคที่มีการให้ข้อมูลชัดเจนอย่างตรงไปตรงมา มีการดูแลเอาใจใส่ในเคสต่อเคสอย่างดี ทั้งก่อนและหลังทำ
เลือกคลีนิกที่ได้มาตรฐาน และมีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง มีใบอนุญาติที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน อุปกรณ์ที่พร้อมสำหรับการใช้งานอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงแพทย์จะต้องมีประสบการณ์ มีเทคนิคในการฉีดอย่างถูกต้อง หากเลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ The Standard แล้วสามารถวางใจได้เลย ว่าเป็นการฉีดด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เทคนิคที่ถูกต้องสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ได้รับรองมาตรฐานอย่างถูกต้องแน่นอนค่ะ
ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีด Filler
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- งดใช้ยาแก้ปวดต้านการอักเสบในกลุ่ม NSAIDs (เอ็นเสด) และแอสไพริน
- งดวิตามินและอาหารเสริม เช่น น้ำมันปลา วิตามินอี น้ำมันอีฟนิงพริมโรส (Primrose) สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้เลือดออกแล้วจะหยุดไหลยาก และลดการลดบวมช้ำ
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด หรือ 1-3 วันก่อนฉีด
- งดทายาหรือสกินแคร์ทุกชนิดที่เป็นการพลัดเซลล์ผิว เช่น AHAs, BHAs
- งดการทำเลเซอร์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมออย่างสม่ำเสมอ วันละ 1.5-2 ลิตร
- สุขภาพร่างกายปกติดี ไม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- หากมีแพ้ยาหรือโรคประจำตัวควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนทำหัตถการ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่แพทย์แนะนำ
- การปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และคงอยู่นานขึ้นควรปฎิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือกดทับ บีบ นวดบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์หลังฉีด เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดรูปทรงได้
- หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ถูกความร้อนโดยตรงเช่น การนั่งหน้าเตาร้อนๆ เมื่อต้องรับประทานอาหารปิ้งย่างหรือชาบู 2 สัปดาห์หลังฉีด
- งดทาลิปอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อลดการอักเสบ บวมแดงของฟิลเลอร์
- หลังฉีดฟิลเลอร์ไม่ควรล้างหน้าด้วยความรุนแรงหรือใช้น้ำร้อนจัด และหลีกเลี่ยงสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน
- เลือกรับประทานอาหาร เช่น งดการรับประทานของหมักดองอย่างน้อง 1 สัปดาห์หลังฉีด
สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฟักฟื้น สามารถปรับให้ทำให้ปากอวบอิ่มฟู ทาลิปสติกไม่ตกร่อง รูปหน้าดูเปลี่ยนไปได้ ใบหน้าดูละมุนขึ้นได้ หรือแม้กระทั้งทำให้ใบหน้าดูเฉี่ยวขึ้นได้สำหรับสายฝอ