หนึ่งในปัญหายอดฮิตที่กวนใจคงหนีไม่พ้นเรื่องรอยย่น เช่น รอยย่นที่หน้าผาก หางตา รอยขมวดคิ้ว จนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย!! แต่อย่าเพิ่งเครียดหรือหมดกำลังใจไปซะก่อน แน่นอนว่าใบหน้าเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้พบเห็นตั้งแต่แรกพบ (First Impression) หลาย ๆ คนจึงพยายามหาวิธีต่าง ๆ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการป้องกันและลดเลือนริ้วรอยเพื่อคงความอ่อนเยาว์ความสดใสของใบหน้าไว้ให้ได้นานที่สุด ในปัจจุบันมีนวัตกรรมที่จะมาช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างการฉีดสารคลายกล้ามเนื้อเข้าไปใต้ผิวที่เรียกกันว่าการฉีด Botox
การใช้สารคลายกล้ามเนื้อหรือที่เรียกว่า Botox หลายท่านคงจะเคยได้ยินชื่อกันมาแล้ว บางท่านอาจจะเคยได้รับหัตถการด้วยรักษาด้วยสารชนิดนี้มาก่อน ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อมูลต่าง ๆ และประโยชน์ในการรักษาด้วยการฉีด Botox ฉะนั้นเราจะมาพูดคุยเกี่ยวกับสารยอดฮิตชนิดนี้กัน

Botox คืออะไร ออกฤทธิ์อย่างไร ?
Botox® เป็นชื่อทางการค้าของตัวยาชนิดหนึ่งคือ Botulinum toxin serotype A หรือ Botulinum toxin type A หรือ Botulinum toxin A ซึ่งเป็นสารประกอบที่สกัดจากโปรตีนบริสุทธิ์ในแบคทีเรียชนิดหนึ่ง คือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ Botox หดตัวไม่ได้และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด
Botox จึงถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้วจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว ลดการขยับของกล้ามเนื้อ ช่วยลดริ้วรอย ลดกราม ปรับรูปหน้าและทำให้ผิวเต่งตึงได้
โดยตามที่กล่าวข้างต้นว่าโบท็อกซ์เป็นยาเพราะต้องกระทำการโดยแพทย์ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวยา ผลข้างเคียง และเทคนิคในการบริหารยา โดยการทำหัตถการด้วยการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเท่านั้น
ฉีด Botox เหมาะกับใครบ้าง ?
เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาริ้วรอยชนิดที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลเร็ว เช่น
- เหมาะสมกับผู้ที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ โดยเฉพาะรอยที่บริเวณ ใบหน้าส่วนบน เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้ว รอยหางตา ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับรูขุมขน ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามใหญ่ โหนกแก้มใหญ่ จนทำให้ใบหน้าดูใหญ่ ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว ลดกราม ลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม ต้องการเพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า ลิฟท์กรอบหน้า ลิฟท์หน้าเรียว
- เหมาะกับผู้ที่ปัญหาเหงื่อออกมาก เช่น เหงื่อออกใต้วงแขนหรือที่ฝ่ามือมากจนเสียบุคลิก ต้องการลดเหงื่อฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลดกลิ่นตัว
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการฉีดลดขนาดน่อง ขนาดกล้ามแขน ลดกล้าม ลดบ่า ขาใหญ่จากกล้ามเนื้อ ขาใหญ่จากการออกกำลังกาย
ส่วนผู้ที่ไม่เหมาะที่จะรับการรักษาด้วยการฉีด Botox ได้แก่ผู้ที่มีโรคความผิดปกติของระบบ กล้ามเนื้อโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และโรคเกี่ยวกับประสาท ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คนที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด รวมถึงผู้ที่ได้รับยาบางชนิดที่อาจทำให้กระทบต่อการออกฤทธิ์ของสารได้ เพราะฉะนั้นก่อนฉีดต้องปรึกษากับแพทย์ก่อนทุกครั้ง

ฉีด Botox อันตรายไหม ? อยากฉีดอย่างปลอดภัยต้องรู้อะไรบ้าง ?
การฉีดโบท็อกซ์ เป็นหัตถการด้านความงามมาแรง ปี 2024 ที่มีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปสามารถสลายตัวได้โดยเฉลี่ยอยู่ภายใน 4-6 เดือน สามารถสลายหมด 100% โดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย แต่ต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการดำเนินหัตถการด้วยแพทย์เฉพาะทาง และใช้โบท็อกซ์แท้ในการฉีดเท่านั้นเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นผลดีและปลอดภัย
การฉีดโบท็อกซ์ ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการรักษาส่วนมากจะใช้เวลาเพียงไม่นาน เว้นแต่ในรายที่กลัวเข็ม กลัวความเจ็บ แพทย์จะใช้ยาชาชนิดทาก่อนเริ่มทำหัตการประมาณ 30 นาทีก่อนเริ่มทำหัตถการ และหลังทำสามารถกลับไปทำงานต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องนอนพักฟื้น
ฉีด Botox แล้วเป็นอย่างไร ก่อนตัดสินใจฉีด ควรรู้อะไรบ้าง ?
โดยโบท็อกซ์จะเข้าไปทำปฏิกิริยากับบริเวณปลายประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อบริเวณที่มีการหดตัว กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะค่อย ๆ คลายตัวและเล็กลง ริ้วรอยบริเวณก็นั้นจะลดเลือนลง ผิวเรียบตึงขึ้นโบท็อกซ์จึงนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์หลายประการรวมถึงการเสริมความงามนั่นคือใช้ลบเลือนริ้วรอยบนใบหน้า เพราะคุณสมบัติสำคัญของโบท็อกซ์ที่ช่วยย้อนวัยให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์ได้ ช่วยเสริมด้านความงามได้เป็นอย่างดี
รวมจุดฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
- โบท็อกซ์หน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ซึ่งเกิดจากการแสดงอารมณ์ สีหน้า
- โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เพื่อให้รอยย่นระหว่างคิ้วตึงขึ้น
- โบท็อกซ์กราม เป็นบริเวณยอดฮิตในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าเรียว จะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลง
- โบท็อกซ์หางตา และใต้ตา ลดริ้วรอย ลดรอยตีนกาบริเวณหางตา
- โบท็อกซ์กรอบหน้า ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าให้กระชับขึ้น
- โบท็อกซ์ลิฟเหนียง กระชับผิวบริเวณเหนียง ให้เต่งตึงมากขึ้น ลดคาง 2 ชั้น
- โบท็อกซ์รักแร้ ลดเหงื่อ และกลิ่นตัว เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
- โบท็อกซ์น่อง เพื่อลดกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย
- โบท็อกซ์ยกมุมปาก แก้ปัญหาริมฝีปากคว่ำ และใบหน้าที่ดูดุ ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น

ฉีดโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี ? แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
โดยในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อจากหลายบริษัทแต่ในละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันของตัวสารและระยะเวลาของผลลัพธ์ด้วยทำให้มีหลายราคาที่ให้เราได้เลือกมากมาย โดยเลือกมาจากยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดโดยแยกตามหมวดประเทศ ได้แก่
1. โบท็อกซ์อเมริกา ยี่ห้อ Allergen
2. โบท็อกซ์อังกฤษ ยี่ห้อ Dysport
3. โบท็อกซ์เยอรมัน ยี่ห้อ Xeomin
4. โบท็อกซ์เกาหลี ยี่ห้อ Aestox, Nabota, Hugel, Clodew
5. โบท็อกซ์ฮ่องกง ยี่ห้อ BTXA
ฉีด Botox กี่วันเห็นผล กี่วันเห็นความเปลี่ยนแปลง ?
หลังฉีด Botox นั้นจะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังทำ โดยจะต้องรอประมาณ 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณตำแหน่งที่เราฉีด และระยะเวลาในการเห็นผล สำหรับระยะเวลาของโบท็อกซ์นั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยกันหลายปัจจัย เช่นความบริสุทธิ์ของตัวยาที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ รวมไปถึงการดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล ซึ่งทำให้ระยะเวลาหลังฉีดโบท็อกซ์กี่วันเห็นผลของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป
- การฉีดเพื่อลดริ้วรอย : จะเริ่มออกฤทธิ์รู้สึกตึง ๆ หลังฉีด 3-7 วัน โบท็อกแท้ตึงเต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทั้งใต้ตา หางตา ขมวดคิ้ว หน้าผาก ร่องแก้ม จะตึงเต็มที่ 2-4 สัปดาห์ หลังฉีดและคงอยู่ได้นานถึงประมาณ 4 เดือน
- การฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม : จะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 1 เดือน กล้ามเนื้อนิ่มลงและเล็กลง กัดฟันแล้วกล้ามเนื้อกรามไม่เด้งและเห็นผลชัดเจนที่สุดจะใช้เวลา 2-3 เดือน
- การฉีดเพื่อลิฟท์หน้า : จะเริ่มเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีด
- การฉีดเพื่อลดเหงื่อ : จะเห็นผลตั้งแต่ 1-3 วันแรกหลังการฉีด และเห็นผลชัดเจนที่สุดประมาณ 1 สัปดาห์ หลังฉีด
การฉีดโบท็อกซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ ไม่ควรฉีดถี่เกินไปและไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อยาบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้ดื้อโบท็อกได้ ควรเว้นอย่างน้อย 3 เดือน และไม่เว้นระยะห่างนานเกินไปโดยไม่ควรเว้นเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานได้ปกติ และอาจจะต้องใช้ปริมาณจำนวนยูนิตของโบท็อกซ์เยอะขึ้นในครั้งถัดไป

ข้อปฏิบัติตัวที่ควรรู้ ก่อนและหลังฉีด
การเตรียมตัวก่อนฉีด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ งดนอนดึกเพื่อเป็นการเตรียมร่างกายให้พร้อม
- งดใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก หรือทำให้ร่างกายร้อนเป็นอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เช่น สารสกัดจากขิง โสม และกระเทียม, วิตามินอี, น้ำมันปลา เป็นต้น
- งดการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs เป็นเวลาอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เช่น Ibruprofen, Naproxen
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 48 ชั่วโมงก่อนการฉีด
ควรปรึกษาแพทย์และบอกถึงจุดที่ต้องการรับการรักษาด้วยโบท็อกซ์อย่างชัดเจนเพื่อการรักษาและผลลัพท์ที่ตรงจุดมากที่สุดทุกครั้งก่อนฉีด
การดูแลตนเองหลังฉีด
- งดนอนราบ นอนตะแคง 4 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
- สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรแต่งอย่างเบามือ และหลีกเลี่ยงการกด ถู บริเวณฉีดบริเวณรอยฉีด โดยรอยบวมจากตุ่มยาจะหายไปเองหลังฉีดประมาณ 2 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหนัก ๆ กิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน เช่นการออกกำลังกาย การอบไอน้ำ การซาวน่า อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพื่อลดกระตุ้นการอักเสบ
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารรสจัดหลักจากฉีด 1-2 สัปดาห์
- หลังฉีดโบลดกราม ควรบริหารกล้ามเนื้อกรามโดยการเคี้ยวหมากฝรั่งย้ำ ๆ สลับซ้ายขวาเท่า ๆ กัน เป็นเวลา 10-15 นาที เพื่อกระจายตัวยาให้ออกฤทธิ์ได้ดีหลังฉีด ลดการปูดบวมของยาที่ไม่เท่ากัน
ทั้งนี้ในการฉีดโบท็อกซ์เพื่อปรับรูปหน้าจะออกออกฤทธิ์ได้นานและมีประสิทธิภาพ ต้องมาจากการดูแลตนเองทั้งก่อนและหลังฉีดของตนเองด้วย รวมไปถึงต้องมั่นใจได้เลยว่าใช้โบท็อกซ์แท้ และเลือกกระทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
การฉีด Botox ราคาแพงไหม? แต่ละจุดราคาเท่าไหร่ ?
ราคาของการฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละครั้งจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือกใช้ ตำแหน่งบริเวณที่ต้องการฉีด และปริมาณยูนิตที่ต้องฉีด โดยต้องทำการประเมินจากแพทย์ที่เชี่ยวชาญสามารถยกตัวอย่างราคาอย่างคร่าว ๆ ตามตำแหน่งที่ต้องการฉีด ดังนี้
- กราม 12,500 บาทขึ้นไป
- ลิฟกรอบหน้า ราคา 7,500 บาทขึ้นไป
- ริ้วรอย ราคา 7,500 บาทขึ้นไป
- รักแร้ ราคา 25,000 บาทขึ้นไป
โบท็อกซ์ยี่ห้อที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากอย.ไทยในปัจจุบันและเป็นยี่ห้อยอดนิยมในปี 2024 โดยแบ่งตามจำนวนยูนิต ดังนี้
1. โบท็อกซ์อเมริกา ยี่ห้อ Allergen ราคา 25,000 บาท/100 ยูนิต
2. โบท็อกซ์อังกฤษ ยี่ห้อ Dysport ราคา 22,000 บาท/100 ยูนิต
3. โบท็อกซ์เยอรมัน ยี่ห้อ Xeomin ราคา 19,900 บาท/100 ยูนิต
การเลือกฉีดโบท็อกมีความสำคัญมาก ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่ทำการฉีดมีประสบการณ์ โบท็อกซ์ที่ใช้ได้มาตรฐาน ผ่านอย. มีรีวิวจากผู้รับบริการจริงที่เห็นผลอย่างชัดเจน เพราะถ้าเลือกผิดอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มไม่ได้ การติดเชื้อจากโบท็อกซ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และในระยะยาวที่หลายคนเจอกันเลยคือ อาการดื้อโบท็อกซ์ ทำให้ฉีดไม่เห็นผล ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะกลับมาหายหรือบางคนไม่หายเลย
ที่ The Standard Clinic เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดโบท็อกซ์ ใช้โบท็อกซ์แท้นำเข้าจากบริษัทโดยตรงพร้อมให้การดูแลให้คำปรึกษาวางแผนการฉีดที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและได้ผลดีที่สุด