Radiesse (เรเดียสซ์) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของงานผิวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะมีจุดเด่นที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกได้ทันที พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียน อ่อนเยาว์ขึ้น นับเป็นตัวช่วยงานผิวแห่งยุคที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของหลาย ๆ คนได้อย่างดีเป็นการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงถึงระดับโครงสร้างผิวชั้นลึกและให้ผลลัพธ์ยาวนานถึง 2 ปีในครั้งเดียว
สำหรับใครที่มองหาตัวช่วยดี ๆ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูผิวแต่ยังเป็นตัวช่วยที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และไม่มีสารตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว เรเดียสซ์เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมความงามที่ช่วยให้ผิวมีคุณภาพที่ดีจากภายในได้อย่างดีเยี่ยม มาทำความรู้จักเรเดียสซ์ว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร พร้อมข้อควรรู้อื่น ๆ ก่อนตัดสินใจฉีดให้มากขึ้นกับบทความนี้ได้เลยครับ

Radiesse คืออะไร
Radiesse (เรเดียสซ์) คือ Regenerative Biostimulator นวัตกรรมล่าสุดในกลุ่มการฉีดผิวในประเภทสารเติมเต็ม (Filling Substance) หรือที่เรียกกันว่าฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่มี CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์) เป็นสารสำคัญในการสร้างเส้นใยตาข่ายผิวกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของคอลลาเจนและอิลาสติน จึงให้ผลลัพธ์ในการเติมเต็มวอลลุ่มให้ผิวดูอ่อนเยาว์สุขภาพดีแบบเห็นผลทันทีหลังทำ และช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ในระยะยาว
โดยสาร CaHA หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า “คาห้า” ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์มานานกว่า 25 ปี ดังนั้น synthetic CaHA ของเรเดียสซ์จึงมีความปลอดภัยสูงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี (Biocompatibility) ไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านของระบบภูมิคุ้มกันและสามารถสลายไปตามธรรมชาติด้วยระบบ Normal Homeostatic Mechanisms ของร่างกายตามปกติได้ จึงเป็นสารที่มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยต่อร่างกายครับ
นอกจากนี้ ยังเป็นสารเติมเต็ม CaHA รายแรกและรายเดียวของโลกที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) , ยุโรป (EU FDA) และไทย (Thai FDA) รวมถึงผ่าน อย.ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะ ในประสิทธิภาพด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้า พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินให้แก่ผิว ซึ่งสารนี้เป็นสารที่คิดค้นและวิจัยโดย Merz Aesthetics ซึ่งเป็น 1 ในบริษัทความงามชื่อดังของโลกได้รับความไว้วางใจในหลายประเทศทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2006 มียอดการใช้กว่า 15 ล้านไซริงค์ จาก 85 แห่งทั่วโลก

หลักการทำงานของ Radiesse
Regenerative Biostimulator เป็นสารฉีดบริเวณผิวหนังที่ไม่ใช่กรดไฮยาลูโรนิก ปริมาตร 1.5 ซีซี มีสารสำคัญคือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ในรูปแบบไมโครสเฟียร์ (Calcium Hydroxyapatite Microspheres, CaHA) ที่คัดเฉพาะขนาด 25-45 ไมครอน ใน เรเดียสซ์หนึ่งโดสประกอบไปด้วย CaHA ปริมาณ 30% หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า “คาห้า” เป็นสารประกอบด้วยฟอสเฟต (Phosphate Ion) และแคลเซียม (Calcium ) ที่พบได้ในร่างกายโดยธรรมชาติอยู่แล้วในร่างกายมนุษย์โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน และอีกปริมาณ 70% เป็นสารเนื้อเจล Sodium Carboxymethylcellulose ที่ทำหน้าที่นำพา CaHa เข้าสู่ตำแหน่งที่ฉีด
เมื่อฉีดเรเดียสซ์ ที่มีส่วนประกอบเป็น CaHA เข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง ตัวเจลจะฟื้นฟูการทำงานของ Fibroblast (เซลล์ต้นตอการผลิตคอลลาเจน และอีลาสติน ) ส่งผลให้กระตุ้นการสร้าง Key components 5 อย่างที่มีส่วนสำคัญเพื่อผิวอ่อนเยาว์สุขภาพดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 ได้ถึง 150% ช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้เฟิร์ม กระชับแข็งแรง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 3 ได้ถึง 130% ช่วยเสริมประสิทธิภาพทำให้โครงสร้างผิวแต่งตึง แข็งแรงร่วมกับชนิดที่ 1
- กระตุ้นการสร้างอิลาสตินได้ถึง 260% ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มเด้ง
- กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดเล็ก ทำให้มีสารอาหารหล่อเลี้ยงผิวเพิ่มขึ้น หรือเรียกว่า กระบวนการ Angiogenesis กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตเพื่อผิวสุขภาพดี
- กระตุ้นการสร้างสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว Proteoglycan ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
หลังการฉีดเข้าสู่ชั้นผิว ผลลัพธ์ที่สามารถพบเจอได้ทันทีและยาวนานกว่าที่เคยได้แก่
- Healthier ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี แข็งแรง เฟิร์มกระชับยิ่งขึ้น โดยทำให้ผิวเปล่งประกายตั้งแต่ชั้นในสุดออกมายังผิวชั้นนอก
- Younger ช่วยย้อนวัยให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ พร้อมเติมเต็มผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
- Longer ช่วยยืดอายุของผิวให้ดูเด็กลงได้ยาวนานขึ้น และช่วยให้เซลล์ต้นกำเนิดใต้ชั้นผิวทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่เป็นอันตราย

5 จุดเด่นของ RADIESSE ที่ทำไมเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน
- ใช้งานสะดวกเนื่องจากอยู่ในรูปแบบเจลในไซริงค์พร้อมสำหรับการฉีด (Pre-Filled Syringe)
- ได้รับความนิยมทั่วโลก เนื่องจากมียอดขายมากกว่า 15 ล้านไซริงค์จากทั่วโลก (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2023)
- มีความปลอดภัยสูง แพทย์ทั่วโลกใช้รักษากันมานานกว่า 20 ปี และยังมีงานวิจัยรองรับมากกว่า 245 ฉบับ
- น่าเชื่อถือและสามารถวางใจได้ เนื่องจากได้รับการการันตีถึง 3 อย. ได้แก่ UE FDA, US FAD และ THAI FDA รวมทั้งยังได้รับ อย.ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะอีกด้วย
- ได้รับความพึงพอใจจากผู้ใช้จริงสูงถึง 90% จากผลสำรวจหลังจากใช้ 1 ปี
Radiesse มีกี่รุ่น ?
ตอนนี้ Radiesse ผลิตออกมามีทั้งหมด 2 รุ่นโดยใช้ควบคู่กันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดครับ
- Radiesse Filler เป็นสารเติมเต็มที่มีความโดดเด่นด้านการฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึกช่วยเสริมให้ใต้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ได้มาก ทั้งยังลดปัญหาด้านการสูญเสียไขมันบนใบหน้า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับไขมันนิยมใช้ฉีดบริเวณรอยพับ ร่องลึก มือ หรือเนินอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ผิวมีความควบแน่น และหนามากขึ้นได้
- Radiesse Filler + เป็นสารเติมเต็มที่ใช้เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าที่ต้องการความละเอียดที่มากกว่า อีกทั้งยังถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บใต้ผิวหนังจึงมีส่วนผสมของ Lidocainne หรือยาชาในตัว เพื่อบรรเทาอาการเจ็บเมื่อฉีดเข้าสู่ผิว
เหมาะกับใคร ?
เหมาะกับคนที่มีอายุ 30 – 55 ปี หรือมีปัญหาด้านผิวพรรณ ดังนี้
- มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เริ่มเห็นการสูญเสียวอลุ่มเล็กน้อย-ปานกลาง
- มีริ้วรอยแห่งวัยเกิดขึ้น
- ผิวโทรม แห้ง แลดูหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
- มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
- มีปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ และคอ
- มีปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว
- มีปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?
เนื่องจากเรเดียสซ์สารกระตุ้นคอลลาเจนที่ใช้ในการกระตุ้นผิวให้แข็งแรง สดใส อิ่มฟูขึ้น โดยมีตำแหน่งที่เหมาะกับการฉีดดังนี้
- ร่องแก้ม : ร่องลึกลากลงมาจนถึงริมฝีปากที่ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ สามารถเติมเพื่อทำให้หน้าดูเด็กลง และทำให้ร่องตื้นอิ่มฟูขึ้นได้
- ร่องน้ำหมาก : เส้นที่ลากจากมุมปากลงมาถึงบริเวณคาง เส้นนี้ถ้ามีชัดจะทำให้ดูมีอายุ ผิวไม่กระชับหากมีร่องแก้มด้วยจะทำให้ใบหน้าดูมีอายุเป็นพิเศษ
- หน้าแก้ม : เมื่ออายุมากขึ้นบริเวณหน้าแก้มอาจจะยุบลงจากการขาดคอลลาเจน การเติมเต็มบริเวณนี้จะช่วยยกกระชับ หน้าเด็กลง และทำให้ผิวดีขึ้น
- กรอบหน้า : สามารถใช้ Radiesse ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น ช่วยให้หน้ากระชับผิวเฟิร์มขึ้น
- ขมับ : สามารถแก้ปัญหาขมับตอบให้อิ่มฟูขึ้นได้
- หลังมือ : หลังมือที่เหี่ยวย่นเป็นอีกตำแหน่งที่ทำให้ดูมีอายุ จากการสูญเสียไขมัน ทำให้เห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัดเจน การเติมด้วย Radiesse ก็จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติครับ
- เนินอก : สามารถแก้ปัญหาผิวย่นบริเวณเนินอก คอที่เหี่ยวย่นให้กระชับขึ้นได้
ถึงแม้ Radiesse จะเป็นสารที่ช่วยเติมเต็มแต่ก็มีบริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีด คือ บริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา ร่องระหว่างคิ้ว จมูก ปาก และรอบปาก เพราะจะทำให้เกิดเป็นตุ่มจากการกระตุ้นของ CaHA ได้ ซึ่งหากคนไข้มีปัญหาผิวที่มีความกังวลในจุดนี้สามารถเลือกสารเติมเต็มชนิดอื่นเพื่อแก้ไขปัญหาได้ครับ

Radiesse filler ราคาเท่าไหร่ ?
โดยปกติจะมีราคามาตรฐานอยู่ที่หลอดละ 36,000 บาท โดย 1 หลอดจะมีปริมาณอยู่ที่ 1.5 CC ทั้งนี้ราคาอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก ขึ้นอยู่กับโปรโมชันในช่วงเวลานั้น ๆ ก่อนฉีดคนไข้สามารถเข้ามาให้หมอประเมินปัญหาผิวหน้าก่อนได้ ปรึกษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ Radiesse
แม้การฉีด Radiesse จะเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยและการันตีจำนวนผู้ใช้งานจากทั่วโลก แต่ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและอยู่ได้ระยะยาวหมอขอแนะนำการปฏิตัวดังนี้ครับ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส การนวดหรือการกดบริเวณที่ถูกฉีด งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่ใช้ความร้อนสูงและงดเข้าห้องซาวน่าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงยากลุ่มแอสไพริน หรือ NSAID อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น ซาวน่า และแสงแดดเป็นเวลานาน
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนควบคู่กันไป
เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แนะนำให้เข้ารับการประเมินผลการรักษา 2-3 เดือนหลังฉีด และอาจมีการฉีดเพิ่มในกรณีที่จำเป็น
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ Radiesse
หลังทำ อาจบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดโดยคนไข้ไม่ต้องกังวลอาการเหล่านี้มักหายเองภายใน 72 ชั่วโมง
สำหรับในบางกรณี อาจเกิดรอยช้ำหลังจากการฉีด ซึ่งเป็นปกติเนื่องจากการกระจายสารเติมเต็มบนผิวหนัง หากสังเกตเห็นผิวหนังแดงหลังการฉีด แนะนำให้ประคบเย็นหรือใช้ยาที่ช่วยลดรอยช้ำ หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วและผิวหนังยังคงแดง แนะนำให้ประคบอุ่นครับ