หน้าไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง อีกหนึ่งปัญหากวนใจ ถึงขั้นทำเอาใครหลาย ๆ คนหมดความมั่นใจในผิว อาจต้องแต่งหน้าหนา ๆ เพื่อกลบปัญหากันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะปัญหาสิวที่ขึ้นจนไม่เหลือที่ว่าง ปัญหาผิวขรุขระ แต่งหน้ายังไงก็ยังเป็นคราบตกร่อง แต่งหน้าหนาจนหน้าเยิ้ม ไม่ติดทน และไม่ว่าจะดูแลผิวอย่างดี ประโคมครีมบำรุง ถมด้วยสกินแคร์ หรือแม้จะดูแลยังไง ผิวหน้าก็ยังไม่ดีขึ้นสักที เพราะปัญหาเหล่านี้นอกจากจะมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือการที่เราต้องพบเจอกับมลภาวะต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝุ่น หรือแม้แต่ความเครียด ปัญหาสุขภาพที่หลายคนมองข้าม ก็ล้วนเป็นปัจจัยส่งผลให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงปัญหา หน้าไม่เรียบเนียน ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร และเผยวิธีแก้ผิวหน้าไม่เรียบนี้ด้วยวิธีเร่งด่วนกันครับ
หน้าไม่เรียบเนียนคืออะไร
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน เป็น ผิวที่มีลักษณะขรุขระ อาจมีทั้งรูขุมขน ปัญหาสิว เป็นผิวที่ดูโทรม มีจุดด่างดำ ริ้วรอยเหี่ยวย่น มีเม็ดตุ่มนูน ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิวไม่มากพอ หรือปัจจัยอื่นร่วมด้วย ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นใจได้เลยทีเดียว เพราะใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องมองเสมอ การที่มีใบหน้าเรียบเนียนก็ช่วยส่งผลให้บุคลิกดูดีขึ้นได้

หน้าไม่เรียบเนียนเกิดจากอะไร
สภาพผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียน ปัญหาใหญ่ของใครหลายคน ที่ยิ่งสัมผัสยิ่งรู้สึกได้ถึงสภาพผิวที่ไม่เรียบเนียนมีความหยาบกระด้าง ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน จะผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็มีโอกาสเกิดได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะผิวไม่เรียบเนียน จากปัญหารูขุมขนกว้าง ปัญหาสิวผดสิวผื่น รอยสิวต่าง ๆ จากฮอร์โมนหรือแม้แต่สิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ผิวที่แห้งจนเกินไปทำให้มีความหยาบกระด้างไม่ชุ่มชื้น และด้วยโรคผิวหนังอื่น ๆ ความเครียดสะสม มลภาวะต่าง ๆ อายุที่เพิ่มขึ้น แม้แต่การดูแลผิวที่ไม่ดีพอ หรือการดูแลผิวอย่างผิดวิธี ก็สามารถส่งผลให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนได้
หน้าไม่เรียบเนียน มีกี่แบบ
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน แบ่งออกเป็นหลายแบบด้วยกัน ดังนั้นหากเราสามารถจำแนกปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากสาเหตุที่เกิดได้ ก็สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นตอได้ถูดจุด ด้วยวิธีที่ถูกต้องเช่นเดียวกัน
- จากสิว
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนที่เกิดจากสิว (Acne) หนึ่งในปัญหาหลัก ที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยสามารถแบ่งสิวออกไปได้หลายประเภท เนื่องจากสิวมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- สิวผด (Acne Aestivalis) โดยส่วนมากมักเกิดกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ซึ่งมีสาเหตุมาจากสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น สภาพอากาศ มลภาวะต่าง ๆ หรือการสัมผัสกับสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้
- สิวอักเสบ (Ance Inflammatory) เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงในระยะแรกและจะเริ่มมีหัวหนอง มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ และอาจมีอาการปวดร่วมด้วยในบางคน
- สิวอุดตัน (Acne Comedones) อีกหนึ่งสิวที่เป็นปัญหาซ้ำซาก หากปล่อยทิ้งไว้ก็สามารถส่งผลระยะยาวได้เช่นกัน มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เนื่องจากมีการอุดตันของรูขุมขน มาจับกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มักมาจากการทำความสะอาดหน้าได้ไม่ล้ำลึกพอ หรือการปล่อยให้หน้ามีสิ่งสกปรกหมักหมมโดยไม่ได้ทำความสะอาดทันทีอย่างถูกต้อง
- สิวหัวช้าง (Ance Nodulocystic) เป็นสิวที่มีลักษณะค่อนข้างน่าเป็นห่วง เป็นเม็ดใหญ่มีการอักเสบและติดเชื้อร่วมด้วย สิวชนิดนี้อาจจะต้องรักษาด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อ เนื่องจากเป็นสิวที่รักษาได้ค่อนข้างยาก
- จากรูขุมขน
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากรูขุมขนที่กว้าง (Large Pores) โดยผู้ที่มีปัญหานี้สามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งบริเวณหน้าแก้ม หน้าผาก จมูกเป็นส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นรูขุมขนขนาดใหญ่จนสังเกตได้ ในบางคนที่แต่งหน้าแล้วก็ยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เครื่องสำอางตกร่อง มีสาเหตุมาจากการที่ต่อมผลิตน้ำมันใต้ผิวหนัง มีการผลิตน้ำมันมากจนเกินไป และอีกสาเหตุหนึ่งคือมาจากกรรมพันธุ์ ทำให้เกิดเป็นรูขุมขนที่กว้างขึ้น
- จากโรค
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากโรคผิวหนัง ที่สามารถส่งผลให้เกิดได้ทั้งสิว กระ ฝ้า จุดด่างดำ ใต้ตาดำคล้ำไม่เรียบเนียน ส่งผลให้ผิวหน้าดูโทรม ไม่สดใส ซึ่งโรคผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อย คือเนื้องอก มีการอักเสบ หรือลอกเป็นขุย และอีกหนึ่งโรคคือ โรคอีสุกอีใส ที่สามารถทิ้งรอยโรคได้ทั้งลำตัว รวมถึงบริเวณใบหน้าและลำคอด้วยเช่นกัน
- จากรอยสิว
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากรอยสิว สภาวะผิวหลังจากเกิดสิว จนได้ทิ้งรอยลักษณะกลม มีสีดำ รอยแดง ไว้ภายหลังเกิดจากการอักเสบของเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนังเมื่อเกิดสิว ที่เข้ามากระตุ้นรอยดำ รอยแดงขึ้นมา ซึ่งปัญหาจากรอยสิว ถือเป็นการรักษาที่ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันอีกครั้ง
- จากริ้วรอย
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจาก ริ้วรอย (Wrinkles) ที่สามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มมีการสูญเสีย และผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินน้อยลง รวมไปถึงชั้นแนวกระดูกที่เริ่มทรุดลง และไขมันที่ฝ่อตัวลงตามอายุ ส่งผลให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ เช่นบริเวณห่างตา ระหว่างคิ้ว หรือแม้แต่ปัญหายอดฮิตอย่างร่องแก้ม และใต้ตา ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด
- จากสภาพผิว
ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากสภาพผิวที่ขาดการดูแลอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เพราะในบางคนอาจจะมีการชะล่าใจ เช่น ไม่ได้ทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน ทำให้ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดดสะสม เกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงการละเลยการใช้ครีมบำรุงผิวหรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอจนส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นจนเกินไป จนผิวมีการลอกขุยแดง และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

วิธีป้องกันไม่ให้หน้าไม่เรียบเนียน
การป้องกันไม่ให้หน้าไม่เรียบเนียน สามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยตนเองง่าย ๆ ดังนี้
- การรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด ร่วมกับคลิ่นเซอร์เพื่อเคลียร์สิ่งสกปรกออกก่อน และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า เพื่อลดการระคายเคืองจากสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับผิวหน้านั้น ๆ โดยควรเลือกใช้ให้เหมาะตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล เนื่องจากปัญหาที่แตกต่างกันออกไป เพื่อลดการแพ้ระคายเคือง และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีควรต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ
- การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน อีกหนึ่งข้อสำคัญที่หลายคนกำลังมองข้าม เนื่องจากปัจจุบันที่มีมลภาวะทั้งจากแสงแดด หน้าจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ ที่เข้ามาทำร้ายผิวสะสมอย่างไม่รู้ตัว ให้ให้ผิวโทรมไว หมองคล้ำ โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเพื่อประสิทธิภาพในการปกป้องที่ดีที่สุด
- การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิว อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป ให้ผิวได้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนได้ แต่ทั้งนี้การใช้การสครับบนใบหน้าต้องมั่นใจว่าเป็นเนื้อสครับและส่วนผสมที่อ่อนโยน เหมาะกับผิวหน้ามากที่สุด เพื่อลดการระคายเคือง
- การหมั่นรักษาสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ร่างกายไม่รู้สึกเพลีย อ่อนล้า
- การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ปริมาณพอเหมาะกับร่างกาย รับประทานผักและผลไม้เพื่อช่วยบำรุงผิวพรรณ เสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาหารจำพวกไขมันสูง ของทอด น้ำตาลสูง รวมไปถึงการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อให้ผิวไม่แห้งกร้าน มีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ
วิธีรักษาหน้าไม่เรียบเนียนอย่างเร่งด่วน
วิธีการรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียนด้วยวิธีเร่งด่วน ด้วยการใช้นวัตกรรมด้านความงามเข้ามช่วย ถือเป็นการแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด ตรงจุดและตอบโจทย์ที่สุด โดยมีวิธีที่หมออยากแนะนำ ดังนี้ ครับ
สุดยอดนวัตกรรมจากประเทศเกาหลี ที่สามารถแก้ปัญหาได้ครบ จบ ในตัวเดียว ที่ให้ทั้งการยกกระชับ พร้อมสร้างงานผิว ผิวฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดี และยังสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ผิวเรียบเนียน ดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นเทคโนโลยีจากประเทศเกาหลี ที่ใช้คลื่น RF โดยปล่อยคลื่นพลังงานสูงส่งผ่านหัวเข็มขนาดเล็ก Coated Needles ให้รักษาได้ลึกถึงชั้น SMAS เป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ผ่าตัดยกกระชับ โดยปราศจากรอยแผล
สามารถเข้ามาช่วยกระชับรูขุมขน ลดการอุดตันของสิ่งสกปรก รถเม็ดสีเมลานินทำให้จุดด่างดำจางลง ลดรอยแผลเป็นรอยสิว และยังสามารถช่วยยกกระชับ ผิวที่เหยี่ยวย่น และลดไขมันใต้ผิวหนังได้อีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นระดับสุดยอดนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ได้ ครบ จบ ในตัวเดียว

เป็นเทคโนโลยีการใช้เลเซอร์ ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม โดยตัวเครื่องที่สามารถปล่อยพลังงานสูงได้อย่างแม่นยำด้วย Focus lens ด้วยหลักการ Photoacoustic Therapy ที่ใช้ตัวปล่อยคลื่นแสงด้วยความเร็วสูงถึง 1 ต่อล้านล้านวินาที และมีความยาวคลื่น 755 นาโนเมตร เหมาะกับการรักษาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเม็ดสีที่ผิดปกติ รอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ
- Rejuran
เป็นการฉีดผิวเพื่อให้ใบหน้าเรียบเนียนขึ้น มีส่วนประกอบหลักคือ Polynucleotide (PN) ที่ถูกสกัดมาจากชิ้นส่วนของ DNA Salmon ที่กระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์สร้างคอลลาเจนให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น ช่วยลดหลุมสิว ผิวขรุขระบนใบหน้า
เป็นวิธีทำให้หน้าเรียบเนียนด้วยการใช้สารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ ฉีดเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ช่วยปรับให้ผิวมีความเต่งตึงขึ้น ฟูขึ้น อิ่มขึ้น และลดการเกิดสิว ผิวขรุขระ แต่ผลลัพธ์คงอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแล
เป็นวิธีทำให้หน้าเรียบเนียน ที่สามารถคงผลลัพธ์ได้นานยาวถึง 2 ปี เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด PLLA มีลักษณะเด่นในเรื่องของการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูอิ่มฟู อ่อนเยาว์ และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
นวัตกรรมสารเติมเต็ม Biostimulator กระตุ้นเซลล์ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว เพื่อช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง มีส่วนประกอบของ CaHA ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มในชั้นโครงสร้างผิวชั้นลึก ส่งผลให้ใบหน้าอิ่มฟูขึ้น เต่งตึง รอยสิวค่อย ๆ จางลง และให้ผลลัพธ์ในระยะยาวมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป
- Mesotheraphy
เป็นการทำทรีทเม้นท์ที่ใช้การฉีดวิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง เพื่อฟื้นฟูผิวผลัดเซลล์ผิว และซ่อมแซมความเสียหายของผิว แก้ปัญหาผิวขรุขระ สิว ผิวแห้งกร้าน ไม่เต่งตึง แต่ผลลัพธ์หลังฉีดจะอยู่ได้เพียง 2-3 เดือนเท่านั้น

สำหรับการดูแลผิวให้เรียบเนียน ผิวดูสุขภาพดี จากภายในสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการดูแลตัวเองด้วยการหมั่นทาครีมบำรุงอย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรือแม้แต่การใช้เทคโนโลยีด้านความงามเข้ามาช่วย แต่การดูแลผิวหน้าด้วยตัวเองก็ยังคงเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง เนื่องจากหากขาดการดูแลปล่อยปะละเลย แล้วก็สามารถทำให้ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผิวที่เรียบเนียน ดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว ควรดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง คู่กับการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
ดังนั้นหากใครที่ยังกำลังลังเล ว่าวิธีไหนจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด โดยได้ผลลัพธ์ผิวหน้าที่เรียบเนียนสวย อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด The Standard เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งแห่ง สามารถให้บริการปรึกษาด้วยความจริงใจ ตรงไปตรงมา พร้อมให้บริการ ดูแล ให้คำปรึกษาตั้งแต่ก่อนทำจนถึงหลังทำ การันตีความปลอดภัย และผลลัพธ์อย่างสวยงามที่สุด เพื่อความประทับใจของผู้รับบริการตั้งแต่ครั้งแรก
